1. Sales & CRM – จากโอกาสสู่ยอดขายจริง
โมดูล Sales และ CRM ของ Odoo ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทีมขายทำงานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเก็บ Leads, การติดตามโอกาสทางการขาย (Pipeline) ไปจนถึงการออกใบเสนอราคาและยืนยันออเดอร์ ทุกขั้นตอนเชื่อมโยงกันแบบอัตโนมัติ
เจ้าของธุรกิจสามารถเห็นภาพรวมยอดขายแต่ละเดือน มูลค่าโอกาสที่อยู่ใน Pipeline, ประสิทธิภาพของเซลส์แต่ละคน รวมถึงแคมเปญการตลาดที่สร้างยอดขายได้จริง ทำให้การตัดสินใจลงทุนด้านการตลาดและทีมขายแม่นยำขึ้น ไม่ต้องเดาจากความรู้สึกอีกต่อไป
2. Inventory – คลังสินค้าแบบเรียลไทม์ ลดของขาด ลดของค้าง
ปัญหาคลาสสิกของหลายธุรกิจคือ “ขายของได้แต่ของหมด” หรือ “ของเต็มคลังแต่ขายไม่ออก” เพราะไม่มีระบบคลังสินค้าที่ดีพอ Odoo มาพร้อมโมดูล Inventory ที่ช่วยติดตามสินค้าเข้า–ออกแบบเรียลไทม์ รองรับหลายคลัง หลาย Location และการใช้บาร์โค้ดหรือ QR Code
เจ้าของกิจการสามารถดูยอดคงเหลือจริงของสินค้าแต่ละตัว วาง Reorder Point ตั้งการเตือนเมื่อสต็อกใกล้หมด รวมถึงดูสต็อกคงค้างที่หมุนเวียนช้า เพื่อตัดสินใจทำโปรโมชั่น ระบายของออก หรือวางแผนการจัดซื้อใหม่ ทั้งหมดนี้ช่วยลดเงินจมจากสต็อกและเพิ่มประสิทธิภาพ Cash Flow ของธุรกิจได้อย่างชัดเจน
3. Accounting – การเงิน บัญชี และรายงานอยู่ในระบบเดียว
แทนที่จะต้องเอาข้อมูลจาก Excel หรือระบบขายไปให้ฝ่ายบัญชีคีย์ใหม่ Odoo ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบอัตโนมัติ เมื่อมีการยืนยันการขาย การซื้อ หรือการรับ–จ่ายเงิน รายการบัญชีที่เกี่ยวข้องจะถูกสร้างขึ้นทันทีในโมดูล Accounting
เจ้าของธุรกิจสามารถดูงบกำไรขาดทุน งบดุล กระแสเงินสด ภาษีที่ต้องชำระ และรายงานการเงินอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ลดการรอฝ่ายบัญชีปิดงบปลายเดือน อีกทั้งยังช่วยให้การตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นระบบ
4. Manufacturing (MRP) – วางแผนการผลิตแบบมืออาชีพ
สำหรับธุรกิจที่มีการผลิตสินค้า โมดูล Manufacturing หรือ MRP คือฟังก์ชันสำคัญที่ช่วยควบคุมต้นทุนและกำลังการผลิตได้อย่างแม่นยำ Odoo ช่วยให้คุณสร้าง BOM (Bill of Materials), วางแผนคำสั่งผลิต, เชื่อมโยงการใช้วัตถุดิบกับคลังสินค้า และติดตามสถานะงานในแต่ละ Workcenter
ผลลัพธ์คือ ลดของเสีย ลดการใช้วัตถุดิบเกินความจำเป็น และรู้ต้นทุนที่แท้จริงของสินค้าแต่ละชิ้น ทำให้ตั้งราคาขายได้เหมาะสม และวางกลยุทธ์ด้านการผลิตได้อย่างมั่นใจ
5. HR & Payroll – บริหารคนแบบมีระบบ ไม่ต้องทำเอกสารซ้ำซ้อน
ทรัพยากรบุคคลคือหัวใจขององค์กร Odoo มีโมดูลด้าน HR ที่ช่วยจัดการข้อมูลพนักงาน การลางาน การเข้างาน การประเมินผล และเงินเดือนแบบครบวงจร ข้อมูลทั้งหมดเชื่อมโยงกับบัญชีและต้นทุน
เจ้าของธุรกิจสามารถดูต้นทุนบุคลากรของแต่ละแผนก ประวัติการทำงานของพนักงาน ตลอดจนข้อมูลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจด้านการบริหารทีม เช่น การเลื่อนตำแหน่ง การจัดอบรม หรือการขยายทีมในอนาคต
6. Project & Task Management – คุมงานโครงการให้เดินตามแผน
สำหรับธุรกิจที่ทำงานแบบโครงการ เช่น บริษัทไอที เอเจนซี่ โรงงานรับจ้างผลิต หรือที่ปรึกษา โมดูล Project ของ Odoo ช่วยให้คุณแบ่งงานเป็น Task กำหนดผู้รับผิดชอบ Deadline และติดตามความคืบหน้าได้ชัดเจน
คุณยังสามารถผูกเวลาการทำงาน (Timesheet) เข้ากับโครงการ เพื่อดูต้นทุนแรงงานจริง เปรียบเทียบกับงบประมาณที่ตั้งไว้ ช่วยให้รู้ว่าลูกค้าแต่ละรายหรือโปรเจกต์แต่ละตัว กำไร–ขาดทุนจริงแค่ไหน ไม่ต้องอาศัยการประมาณด้วยความรู้สึก
7. Website & eCommerce – หน้าร้านออนไลน์เชื่อมตรงเข้าระบบหลังบ้าน
Odoo มาพร้อมเครื่องมือสร้างเว็บไซต์และร้านค้าออนไลน์ในตัว เจ้าของธุรกิจสามารถออกแบบหน้าเว็บ Landing Page, สร้าง Product Page, ระบบตะกร้าสินค้า และรับชำระเงินออนไลน์ได้ โดยทุกออเดอร์จะถูกเชื่อมเข้ากับคลังสินค้า บัญชี และ CRM โดยอัตโนมัติ
นั่นหมายความว่าคุณไม่ต้องแยกระบบหน้าร้าน (Front-end) และหลังบ้าน (Back-end) ออกจากกัน ทุกอย่างอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้การบริหารอีคอมเมิร์ซง่ายและแม่นยำกว่าการใช้หลายระบบมาต่อกันเอง
8. Reporting & Dashboard – ตัวเลขที่สรุปให้เห็นภาพธุรกิจชัดเจน
หนึ่งในฟังก์ชันที่เจ้าของธุรกิจชื่นชอบคือ Dashboard และ Reporting ของ Odoo ที่ดึงข้อมูลจากทุกโมดูลมาสรุปให้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นยอดขายรายวัน กำไรขั้นต้นยอดฮิต สินค้าขายดี หรือสต็อกที่ค้างนานเกินไป
คุณสามารถปรับมุมมองกราฟ ตาราง หรือตัวเลข KPI ได้ตามความต้องการ เลือกดูตามช่วงเวลา ตามสาขา หรือแยกตามทีมขายก็ได้ ทำให้การประชุมผู้บริหารมีข้อมูลรองรับ พร้อมตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจ
9. Automation & Integration – ทำงานอัตโนมัติและเชื่อมต่อเครื่องมืออื่นได้ง่าย
จุดแข็งสำคัญของ Odoo คือความสามารถด้าน Automation เช่น การส่งอีเมลแจ้งเตือนอัตโนมัติ การสร้างงานเมื่อมี Ticket ใหม่ หรือการปรับสถานะเอกสารเมื่อผ่านการอนุมัติ นอกจากนี้ Odoo ยังสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือภายนอกเช่น n8n, Power BI, ระบบบัญชีภายนอก หรือแพลตฟอร์ม AI เพื่อขยายความสามารถของระบบได้อย่างไร้ขีดจำกัด
สำหรับเจ้าของธุรกิจ นั่นหมายถึงการให้ระบบทำงานแทนคนในงานที่ซ้ำ ๆ และปล่อยให้ทีมของคุณไปโฟกัสกับงานที่สร้างคุณค่าและกำไรให้ธุรกิจจริง ๆ แทน
สรุป: ทำไมฟังก์ชันเหล่านี้ของ Odoo จึงสำคัญต่อเจ้าของธุรกิจ
เมื่อมองภาพรวมจะเห็นว่าแต่ละฟังก์ชันของ Odoo ไม่ได้แยกกันทำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่เชื่อมโยงกันเป็น แพลตฟอร์มเดียว ตั้งแต่การดึงลูกค้าเข้ามา, ปิดการขาย, จัดซื้อและจัดการสต็อก, ผลิตสินค้า, ส่งมอบ, ออกใบกำกับภาษี, บันทึกบัญชี ไปจนถึงการวิเคราะห์ผลลัพธ์เชิงบริหาร
นี่คือเหตุผลที่เจ้าของธุรกิจจำนวนมากทั่วโลกเลือกใช้ Odoo เพื่อยกระดับการบริหารงานจาก “การจัดการแบบไฟล์” ไปสู่ “การจัดการแบบระบบ” ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และพร้อมขยายเติบโตในอนาคต หากคุณกำลังมองหา ERP ที่คุ้มค่า ยืดหยุ่น และเติบโตไปพร้อมกับองค์กร ฟังก์ชันเหล่านี้ของ Odoo คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม