ฟังก์ชันเด็ดของ Odoo ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้

พ.ค. 03, 2025 44 mins read

Odoo ไม่ได้เป็นเพียงระบบ ERP ธรรมดา แต่คือแพลตฟอร์มที่รวมฟังก์ชันการบริหารธุรกิจ ตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้านไว้ในที่เดียว ช่วยให้เจ้าของกิจการมองเห็นภาพรวม ควบคุมต้นทุน และขยายธุรกิจได้อย่างมั่นใจ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก ฟังก์ชันเด็ดของ Odoo ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ระบบบริหารองค์กรยุคใหม่

odoo-function
 

1. Sales & CRM – จากโอกาสสู่ยอดขายจริง

โมดูล Sales และ CRM ของ Odoo ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทีมขายทำงานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเก็บ Leads, การติดตามโอกาสทางการขาย (Pipeline) ไปจนถึงการออกใบเสนอราคาและยืนยันออเดอร์ ทุกขั้นตอนเชื่อมโยงกันแบบอัตโนมัติ

เจ้าของธุรกิจสามารถเห็นภาพรวมยอดขายแต่ละเดือน มูลค่าโอกาสที่อยู่ใน Pipeline, ประสิทธิภาพของเซลส์แต่ละคน รวมถึงแคมเปญการตลาดที่สร้างยอดขายได้จริง ทำให้การตัดสินใจลงทุนด้านการตลาดและทีมขายแม่นยำขึ้น ไม่ต้องเดาจากความรู้สึกอีกต่อไป

2. Inventory – คลังสินค้าแบบเรียลไทม์ ลดของขาด ลดของค้าง

ปัญหาคลาสสิกของหลายธุรกิจคือ “ขายของได้แต่ของหมด” หรือ “ของเต็มคลังแต่ขายไม่ออก” เพราะไม่มีระบบคลังสินค้าที่ดีพอ Odoo มาพร้อมโมดูล Inventory ที่ช่วยติดตามสินค้าเข้า–ออกแบบเรียลไทม์ รองรับหลายคลัง หลาย Location และการใช้บาร์โค้ดหรือ QR Code

เจ้าของกิจการสามารถดูยอดคงเหลือจริงของสินค้าแต่ละตัว วาง Reorder Point ตั้งการเตือนเมื่อสต็อกใกล้หมด รวมถึงดูสต็อกคงค้างที่หมุนเวียนช้า เพื่อตัดสินใจทำโปรโมชั่น ระบายของออก หรือวางแผนการจัดซื้อใหม่ ทั้งหมดนี้ช่วยลดเงินจมจากสต็อกและเพิ่มประสิทธิภาพ Cash Flow ของธุรกิจได้อย่างชัดเจน

3. Accounting – การเงิน บัญชี และรายงานอยู่ในระบบเดียว

แทนที่จะต้องเอาข้อมูลจาก Excel หรือระบบขายไปให้ฝ่ายบัญชีคีย์ใหม่ Odoo ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบอัตโนมัติ เมื่อมีการยืนยันการขาย การซื้อ หรือการรับ–จ่ายเงิน รายการบัญชีที่เกี่ยวข้องจะถูกสร้างขึ้นทันทีในโมดูล Accounting

เจ้าของธุรกิจสามารถดูงบกำไรขาดทุน งบดุล กระแสเงินสด ภาษีที่ต้องชำระ และรายงานการเงินอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ลดการรอฝ่ายบัญชีปิดงบปลายเดือน อีกทั้งยังช่วยให้การตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นระบบ

4. Manufacturing (MRP) – วางแผนการผลิตแบบมืออาชีพ

สำหรับธุรกิจที่มีการผลิตสินค้า โมดูล Manufacturing หรือ MRP คือฟังก์ชันสำคัญที่ช่วยควบคุมต้นทุนและกำลังการผลิตได้อย่างแม่นยำ Odoo ช่วยให้คุณสร้าง BOM (Bill of Materials), วางแผนคำสั่งผลิต, เชื่อมโยงการใช้วัตถุดิบกับคลังสินค้า และติดตามสถานะงานในแต่ละ Workcenter

ผลลัพธ์คือ ลดของเสีย ลดการใช้วัตถุดิบเกินความจำเป็น และรู้ต้นทุนที่แท้จริงของสินค้าแต่ละชิ้น ทำให้ตั้งราคาขายได้เหมาะสม และวางกลยุทธ์ด้านการผลิตได้อย่างมั่นใจ

5. HR & Payroll – บริหารคนแบบมีระบบ ไม่ต้องทำเอกสารซ้ำซ้อน

ทรัพยากรบุคคลคือหัวใจขององค์กร Odoo มีโมดูลด้าน HR ที่ช่วยจัดการข้อมูลพนักงาน การลางาน การเข้างาน การประเมินผล และเงินเดือนแบบครบวงจร ข้อมูลทั้งหมดเชื่อมโยงกับบัญชีและต้นทุน

เจ้าของธุรกิจสามารถดูต้นทุนบุคลากรของแต่ละแผนก ประวัติการทำงานของพนักงาน ตลอดจนข้อมูลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจด้านการบริหารทีม เช่น การเลื่อนตำแหน่ง การจัดอบรม หรือการขยายทีมในอนาคต

6. Project & Task Management – คุมงานโครงการให้เดินตามแผน

สำหรับธุรกิจที่ทำงานแบบโครงการ เช่น บริษัทไอที เอเจนซี่ โรงงานรับจ้างผลิต หรือที่ปรึกษา โมดูล Project ของ Odoo ช่วยให้คุณแบ่งงานเป็น Task กำหนดผู้รับผิดชอบ Deadline และติดตามความคืบหน้าได้ชัดเจน

คุณยังสามารถผูกเวลาการทำงาน (Timesheet) เข้ากับโครงการ เพื่อดูต้นทุนแรงงานจริง เปรียบเทียบกับงบประมาณที่ตั้งไว้ ช่วยให้รู้ว่าลูกค้าแต่ละรายหรือโปรเจกต์แต่ละตัว กำไร–ขาดทุนจริงแค่ไหน ไม่ต้องอาศัยการประมาณด้วยความรู้สึก

7. Website & eCommerce – หน้าร้านออนไลน์เชื่อมตรงเข้าระบบหลังบ้าน

Odoo มาพร้อมเครื่องมือสร้างเว็บไซต์และร้านค้าออนไลน์ในตัว เจ้าของธุรกิจสามารถออกแบบหน้าเว็บ Landing Page, สร้าง Product Page, ระบบตะกร้าสินค้า และรับชำระเงินออนไลน์ได้ โดยทุกออเดอร์จะถูกเชื่อมเข้ากับคลังสินค้า บัญชี และ CRM โดยอัตโนมัติ

นั่นหมายความว่าคุณไม่ต้องแยกระบบหน้าร้าน (Front-end) และหลังบ้าน (Back-end) ออกจากกัน ทุกอย่างอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้การบริหารอีคอมเมิร์ซง่ายและแม่นยำกว่าการใช้หลายระบบมาต่อกันเอง

8. Reporting & Dashboard – ตัวเลขที่สรุปให้เห็นภาพธุรกิจชัดเจน

หนึ่งในฟังก์ชันที่เจ้าของธุรกิจชื่นชอบคือ Dashboard และ Reporting ของ Odoo ที่ดึงข้อมูลจากทุกโมดูลมาสรุปให้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นยอดขายรายวัน กำไรขั้นต้นยอดฮิต สินค้าขายดี หรือสต็อกที่ค้างนานเกินไป

คุณสามารถปรับมุมมองกราฟ ตาราง หรือตัวเลข KPI ได้ตามความต้องการ เลือกดูตามช่วงเวลา ตามสาขา หรือแยกตามทีมขายก็ได้ ทำให้การประชุมผู้บริหารมีข้อมูลรองรับ พร้อมตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจ

9. Automation & Integration – ทำงานอัตโนมัติและเชื่อมต่อเครื่องมืออื่นได้ง่าย

จุดแข็งสำคัญของ Odoo คือความสามารถด้าน Automation เช่น การส่งอีเมลแจ้งเตือนอัตโนมัติ การสร้างงานเมื่อมี Ticket ใหม่ หรือการปรับสถานะเอกสารเมื่อผ่านการอนุมัติ นอกจากนี้ Odoo ยังสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือภายนอกเช่น n8n, Power BI, ระบบบัญชีภายนอก หรือแพลตฟอร์ม AI เพื่อขยายความสามารถของระบบได้อย่างไร้ขีดจำกัด

สำหรับเจ้าของธุรกิจ นั่นหมายถึงการให้ระบบทำงานแทนคนในงานที่ซ้ำ ๆ และปล่อยให้ทีมของคุณไปโฟกัสกับงานที่สร้างคุณค่าและกำไรให้ธุรกิจจริง ๆ แทน

สรุป: ทำไมฟังก์ชันเหล่านี้ของ Odoo จึงสำคัญต่อเจ้าของธุรกิจ

เมื่อมองภาพรวมจะเห็นว่าแต่ละฟังก์ชันของ Odoo ไม่ได้แยกกันทำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่เชื่อมโยงกันเป็น แพลตฟอร์มเดียว ตั้งแต่การดึงลูกค้าเข้ามา, ปิดการขาย, จัดซื้อและจัดการสต็อก, ผลิตสินค้า, ส่งมอบ, ออกใบกำกับภาษี, บันทึกบัญชี ไปจนถึงการวิเคราะห์ผลลัพธ์เชิงบริหาร

นี่คือเหตุผลที่เจ้าของธุรกิจจำนวนมากทั่วโลกเลือกใช้ Odoo เพื่อยกระดับการบริหารงานจาก “การจัดการแบบไฟล์” ไปสู่ “การจัดการแบบระบบ” ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และพร้อมขยายเติบโตในอนาคต หากคุณกำลังมองหา ERP ที่คุ้มค่า ยืดหยุ่น และเติบโตไปพร้อมกับองค์กร ฟังก์ชันเหล่านี้ของ Odoo คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

จดหมายข่าว

Subscribe our newsletter

By clicking the button, you are agreeing with our Term & Conditions

Your experience on this site will be improved by allowing cookies Cookie Policy